การเขียนบทหนังสั้น
1. การเขียนบทหนังสั้น การเขียนบทอาจเป็นเรื่องที่นามาจากเรื่องจริง
เรื่องดัดแปลง ข่าว เรื่องที่อยู่รอบ ๆ ตัว นวนิยาย เรื่องสั้น
หรือได้แรงบันดาลใจจากความประทับใจในเรื่องราว หรือบางสิ่งที่คนเขียนบทได้สัมผัส
เช่น ดนตรี บทเพลง บทกวี ภาพเขียน และอื่น ๆ
2. 1. Research 2. Theme 3. Plot 4. Synopsis 5.
Treatment 6. Scenario 7. Paradigm 8. Screenplay 9. Shooting script 10.
Storyboard
· Research ต้องยอมรับว่า คนทาหนังสั้น
ส่วนใหญ่จะละเลยในขั้นตอนนี้ ซึ่งที่ จริงแล้วเป็นสิ่งสาคัญ
หนังเกี่ยวข้องกับมนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ เราเกี่ยวข้อง กับอะไรบ้าง? นั่นแหละคือสิ่งที่ตัวละครเกี่ยวข้อง การ research เป็นการหารายละเอียดของตัวละครมาหาใส่
ที่จริงการ research ไม่มี format จุดประสงค์คือเก็บเกี่ยวข้อมูลของตัวละครให้
ได้มากที่สุด สร้างเป็นประวัติของตัวละคร
· Theme แก่น ใจความสาคัญ แนวคิดหลัก สาร ประเด็น ฯ
หนังสั้นที่ได้ผลดี ควรจะมี theme เพียงหนึ่งเดียว
คือมีประเด็นหลัก ที่ต้องการจะสื่อสารเพียงหนึ่งสิ่ง การเขียน theme ไม่ได้ต้องใช้คาสวยหรู
ไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจ ยาก ไม่ต้องเป็นปรัชญา ไม่จาเป็นต้องเป็นแนวคิดสากล
เป็นแนวคิดส่วนตัว ก็ได้ เพียงแต่เราต้องมีความเชื่อในแนวคิดนั้นๆ
และมีมุมมองที่จะนาเสนอ
· Plot การเขียนพล็อตเปรียบเสมือนการทาแผนที่ แผนผัง การทาพล็อตหนังสั้น มี 3 จุด (Acts) คือ 1.จุดเริ่มต้น อย่างน้อยควรรู้ว่าตัวละครคือใคร 2.จุดหักเห คือสถานการณ์ที่ตัวละครนั้นเจอ ในหนังสั้นมักจะเป็น
สถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อนนัก เป็นปัญหาที่ชัดเจนที่สุดของตัวละคร 3.จุดจบ คือสถานการณ์ที่เป็นจุดเข้มข้นสุดของเรื่อง ก่อนที่จะคลี่คลาย
หรือจบลง
· Synopsis ว่า เรื่องย่อ รูปแบบการเขียน synopsis ของหนังสั้น มักจะเป็นความเรียง
เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอย่างย่อ มีความยาวประมาณ 5-6 บรรทัด
เล่าตัวละครและเหตุการณ์เพื่อสรุปว่า ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ฯ
ด้วยมุม Objective ของคนเขียนบทเอง คล้ายๆกับการเขียน
เรื่องย่อบนปกหลังกล่อง vcd แต่อย่างที่บอก
ไม่ต้องกั๊กตอนจบ ในขั้นนี้ แนะนาให้เขียนเรื่องให้ได้ 3 ย่อหน้า (เหมือนเขียนเรียงความ มีคานา เนื้อเรื่อง สรุป)
โดยยึดจากหลักการเขียนplot อาจจะเป็น
ย่อหน้าของจุดเริ่มต้น 2 บรรทัด
ย่อหน้าของจุดหักเห 3 บรรทัดและ
ย่อหน้าของจุดจบ 1 บรรทัด
· Treatment ในการเขียนบท หมายถึงโครงเรื่องขยาย
คือมีการเขียนคาอธิบาย ขยายเนื้อเรื่องชัดเจนมากขึ้น
เหมือนรูปแบบของนวนิยายหรือเรื่องสั้น มีการ
บรรยายรายละเอียดต่างๆที่จาเป็นต่อการเล่าเรื่อง เช่น ชื่อตัวละคร ลักษณะ ตัวละคร
สถานการณ์ต่างๆ สถานที่ วัน เวลา เหตุผลของตัวละคร ฯ แต่ยังไม่มี บทสนทนา
(นอกจากว่า จะเป็นประโยคสาคัญ) treatment หนังสั้น
มักมีความยาวประมาณ 1 หน้ากระดาษ A4 เป็นบทที่นิยมมอบให้คนอื่นอ่าน เพราะจะมีรายละเอียดที่มากพอจะ
เล่าเรื่องได้สมบูรณ์แล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงมักตั้งชื่อตัวละครไปด้วย อย่างที่เคย
กล่าวมาว่า ชื่อตัวละครของหนังสั้นที่ดี ควรจะสื่อถึง character ด้วย
·
Scenario เป็นขั้นตอนต่อมาจาก
treatment มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งฉากของ treatment ให้เห็นเป็น scene
ชัดเจน
และนิยมเขียนเป็นข้อๆว่า ใน scene เกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพื่อ คานวณความยาวของแต่ละฉาก และคะเนได้ว่าทั้งเรื่องจะยาวเท่าไหร่
สานวนการเขียนจะรวบรัด และใช้ภาษาอธิบายเหตุการณ์ การแสดง มากกว่าอธิบายความคิด
หรืออารมณ์ตัวละคร ในขั้นการเขียน scenario จะมีการเขียนหัวฉาก
· Paradigm
เป็นขั้นตอนที่สาคัญขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยสรุปจังหวะของการเขียนบท
ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ถอยออกมา แล้วมองเรื่องทั้งเรื่อง เป็นจังหวะหรือ step
ของการดาเนินเรื่อง ขั้นตอนนี้ จะเน้นไปที่การวิเคราะห์และตีความ
คุณสมบัติหรือหน้าที่ ของแต่ละฉาก ว่าอะไรขาด อะไรเกิน การเล่าเรื่อง เล่าอารมณ์
มันเป็ยังไง เราต้องสรุปได้ว่า ฉากนั้นๆ มีประโยชน์อย่างไร
จะได้แก้ไขก่อนจะเข้าสู่ Screenplay
· Screenplay คือบทภาพยนตร์ที่
เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้วอย่างมี ขั้นตอน ประกอบด้วย ตัวละครหลัก บทพูด
ฉาก แอ็คชั่น ซีเควนส์ มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง เช่น
บทสนทนาอยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ ฉาก เวลา สถานที่ อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ
ไม่มีตัวเลขกากับช็อต และโดยหลักทั่วไป บทภาพยนตร์หนึ่งหน้ามีความยาวหนึ่งนาที
· Shooting script เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเขียน
บทถ่ายทาจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ (screenplay)
ได้แก่
ตาแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การจางซ้อนภาพ (dissolve)
การกวาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect) อื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีเลขลาดับช็อตกากับไว้
โดยเรียงตามลาดับตั้งแต่ช็อตแรกจนกระทั่งจบเรื่อง
· Storyboard คือ บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ
คล้ายหนังสือ การ์ตูน ให้เห็นความต่อเนื่องของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์ มีคาอธิบายภาพ
ระบุเสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสียงพูด เป็นต้น
ใช้เป็นแนวทางสาหรับการถ่ายทา หรือใช้เป็นวิธีการ คาดคะเนภาพล่วงหน้า (pre-visualizing) ก่อนการถ่ายทาว่า เมื่อถ่าย ทาสาเร็จแล้ว
หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น